ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ จัดงาน
OPEN HOUSE “Exclusive Interview & Press Tour
ครบเครื่องเรื่องท้องต้องโรงพยาบาลกรุงเทพ”

เพื่อให้คุณวางใจ คลายกังวล กับทีมสูตินรีแพทย์สหสาขาวิชาชีพ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด กุมารแพทย์เฉพาะทางห้องคลอดที่ได้มาตรฐาน

ss

ทุกช่วงสัปดาห์แห่งการเติบโตของทารกภายในครรภ์คุณแม่นั้นมีความหมาย มีความสำคัญและส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกน้อยจนกว่าจะถึงวันลืมตาดูโลก “การฝากครรภ์” กับสูตินรีแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ครบครัน ทันสมัย ช่วยเตรียมความพร้อม ลดความเสี่ยงให้คุณแม่และครอบครัวมั่นใจตลอดการตั้งครรภ์

ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ จัดงาน OPEN HOUSE “Exclusive Interview & Press Tour ครบเครื่องเรื่องท้องต้องโรงพยาบาลกรุงเทพ” เพื่อให้คุณวางใจ คลายกังวล กับทีมสูตินรีแพทย์สหสาขาวิชาชีพ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด กุมารแพทย์เฉพาะทางห้องคลอดที่ได้มาตรฐาน และห้องพักที่มีบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย พิเศษกับการเยี่ยมชมห้องคลอดที่ทันสมัย ห้องพักฟื้นคุณแม่หลังคลอดหลากหลายประเภท  ห้องเนิร์สเซอรี ดูแลทารกแรกเกิด ที่พร้อมให้บริการโดยพยาบาลวิชาชีพที่มากด้วยประสบการณ์

พญ.วนิชา ปัญญาคำเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพกล่าวว่า “การวางแผนดูแลตั้งแต่อายุครรภ์ยังน้อยเป็นเรื่องสำคัญของคุณแม่ซึ่งทีมสูตินรีแพทย์จะช่วยดูแลวางแผนตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์โดยจะตรวจความสมบูรณ์ของครรภ์ สอนเทคนิคคอยดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ พร้อมทั้งแนะนำเรื่องอาหารที่มีประโยชน์เพื่อความแข็งแรงของคุณแม่และลูกน้อย ที่สำคัญช่วยดูแลครรภ์เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ จนถึงกำหนดคลอด สูตินรีแพทย์จะวางแผนร่วมกับกุมารแพทย์ทารกแรกเกิดเพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่นทั้งคุณแม่และทารก ด้วยการดูแลของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการทั้งสูตินรีแพทย์ กุมารแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย เตียงสำหรับคลอดที่ปรับระดับได้ เพิ่มความสะดวกสบายให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายเพื่อสุขภาพแข็งแรง ดูแลให้คุณแม่คลอดได้อย่างปลอดภัยและลูกมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้หลังคลอดโรงพยาบาลมีพยาบาลนมแม่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ช่วยแก้ปัญหาเมื่อท่อน้ำนมอุดตัน และสอนวิธีให้นมลูกได้สำเร็จ เพราะนมแม่เป็นอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแห่งอาหารที่สมบูรณ์สำหรับทารก

นพ.ร่มไทร เลิศเพียรพิทยกุล สูติแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ศูนย์สุขภาพสตรี กล่าวว่า “ปัจจุบันหากคุณแม่มีอายุมากกว่า 35 ปี มีโรคประจำตัว หรือครรภ์แฝด มีความเสี่ยงที่จะทำให้คลอดก่อนกำหนด และเป็นภาวะครรภ์เสี่ยง จึงต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางคือ แพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ หรือ  Maternal Fetal Medicine (MFM) เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยแพทย์จะตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ มีการทำอัลตราซาวนด์ 2D และ 4D ตรวจดูลูกน้อยในครรภ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแปลผลให้ชัดเจนขึ้น จะได้เตรียมความพร้อมในการวางแผนคลอดอย่างเหมาะสม และควรเข้ารับการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซม(NIPT) ตั้งแต่อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ เพื่อเช็กสุขภาพทารกในครรภ์ และช่วยให้คุณแม่มั่นใจในการคลอดบุตรอย่างแข็งแรง”

พญ.อรวรรณ อิทธิโสภณกุล กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด ศูนย์กุมารเวช กล่าวว่า “กุมารแพทย์ทารกแรกเกิดจะร่วมวางแผนคลอดกับสูตินรีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกแรกเกิดเพื่อให้การคลอดบุตรเป็นไปอย่างราบรื่น แต่หากไม่เป็นอย่างที่วางแผนไว้ เช่น ครรภ์เป็นพิษ รกเกาะต่ำ เป็นต้น จำเป็นต้องดูแลในหน่วยทารกแรกเกิดวิกฤติอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสังเกตอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นและให้การรักษาอย่างทันท่วงที ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น เครื่องช่วยหายใจที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เครื่องจ่ายก๊าซในตริกออกไซด์ ตู้อบระบบ Hybrid และเครื่องส่องไฟแบบ Blue Light ฯลฯ หลังจากคลอดบุตรแล้วกุมารแพทย์ทารกแรกเกิดจะทำการตรวจคัดกรองโรค ทางพันธุกรรมเมตาบอลิก 40 โรคเพื่อป้องกันภาวะปัญญาอ่อนที่อาจเกิดขึ้นกับทารก

นพ.นิธิ หล่อเลิศรัตน์ กุมารแพทย์ ศูนย์กุมารเวช กล่าวว่า “ทีมกุมารแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางกว่า 50 ท่าน พร้อมดูแลเด็กแรกเกิดไปจนถึงวัยรุ่นไม่เกิน 15 ปีทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ดูแลครอบคลุมหลากหลาย เช่น การตรวจสุขภาพทุกช่วงวัย การฉีดวัคซีน โรคประสาทและสมอง โรคเลือด โรคระบบหายใจ โรคต่อมไร้ท่อ โรคติดเชื้อต่าง ๆ และมีคลินิกพัฒนาการเด็กดูแลโดยกุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมช่วยแนะนำแนวทาง ส่งเสริมพัฒนาการและการเลี้ยงดู ร่วมกับการทำกิจกรรมบำบัดและกายภาพบำบัด เรามีหอผู้ป่วยเด็ก  IPD  Ward ที่มีเครื่องมือครบวงจรและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เช่น เก้าอี้นั่งทานข้าวสำหรับเด็กและรถเด็กเล่น พร้อมทีมแพทย์ พยาบาลที่ชำนาญการดูแลเด็กโดยเฉพาะให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลรักษาอย่างปลอดภัย มีการเติบโตอย่างสมวัย สุขภาพแข็งแรง”